กต.ตร.สภ.เมืองนครนายก

คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก

📰 กิจกรรมและผลการดำเนินงาน

– เดือน ตุลาคม 2567 ไม่มีผลการปฏิบัติงาน เนื่องจากอยู่ระหว่างสรรหา กต.ตร.สภ.ชุดใหม่ ทดแทนชุดเก่าที่หมดวาระลงเมื่อ วันที่ 18 ตุลาคม 2567 –

📑 ข้อมูลเกี่ยวกับ กต.ตร.

ประธาน กต.ตร.สภ.เมืองนครนายก

ประธาน กต.ตร.

นาย สมภพ เจริญจิตร์
  • คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครนายก
  • ประกอบธุรกิจส่วนตัว

คณะกรรมการ กต.ตร.ฯ - โดยตำแหน่ง

นายพีระ การุญ

กต.ตร.ฯ
นายอำเภอเมืองนครนายก

พ.ต.อ.สง่า ทางธรรม

กต.ตร.ฯ
ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครนายก

พ.ต.ท.กิตตินันท์ ศรีม่วง

กต.ตร.ฯ
รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครนายก

พ.ต.ท.จุฑาวุฒิ ช่วงไชย

กต.ตร.ฯ
รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครนายก

พ.ต.ท.อนุรักษ์ ตรีเนตร

กต.ตร.ฯ
รอง ผกก.(สอบสวน)
สภ.เมืองนครนายก

พ.ต.ท.จรดล สร้างเอี่ยม

กต.ตร.ฯ
สว.จร.สภ.เมืองนครนายก

คณะกรรมการ กต.ตร.ฯ - เลือกโดยข้าราชการชั้นประทวน

ส.ต.ท.กิตติธัช ทองศรี

กต.ตร.ฯ
ข้าราชการตำรวจรวจชั้นประทวนเลือกโดยข้าราชการตำรวจในสถานี

คณะกรรมการ กต.ตร.ฯ - สรรหา/คัดเลือก

นายปิยะวัฒน์ บุญวิบูลวัฒน์

กต.ตร.ฯ
นายกเทศมนตรีเมืองนครนายก

นางสมปอง เสนา

กต.ตร.ฯ
นายก อบต.หินตั้ง

น.ส.วาสนา วงษ์ศิริ

กต.ตร.ฯ
กำนันตำบลศรีนาวา

นายวีรชัย ยอดวิเศิษฎ์ศักดิ์

กต.ตร.ฯ
สาธารณสุขอำเภอเมืองนครนายก

นางภัทนี ประกอบทรัพย์

กต.ตร.ฯ
พนักงานรัฐวิสาหกิจ

เรืออากาศตรี ประสาน คำมินเสส

กต.ตร.ฯ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ

ดร.สุกัญญา สุขถสาน 2

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา

นายวิเชียร พุ่มบุญฑริก

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน

น.ส.เชาวรัตน์ ตรงต่อกิจ

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจโรงแรม

นางวันดี กุลธีระวิทย์

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาองค์กร

น.ส.ชนัญชิดา วิสุทธิศักดิ์

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านชุมชน

น.ส.อุษณีย์ ชาวเมือง

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านชุมชน

นายอภิชัย พุทธสวัสดิ์

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาองค์กร
อาชีพธุรกิจส่วนตัว

นายสุรินทร์ แสงอรุณ

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยไม่แสวงหากำไร และมีวัตถุประสงค์ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์
อาชีพธุรกิจส่วนตัว

นายชูศักดิ์ เอี่ยมสุข

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์
อาชีพดารานักแสดงและธุรกิจส่วนตัว

นายทนุธรรม แป้นศิริ

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมธุรกิจบริการ พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม หัตถกรรมหรือ ธุรกิจการเงิน
อาชีพธุรกิจส่วนตัว

นายสุรศักดิ์ ปรีชา

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจโรงแรม
อาชีพธุรกิจส่วนตัว
อาชีพธุรกิจส่วนตัว

นายบรรเจิด วังหิน

กต.ตร.ฯ
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์

คณะกรรมการ กต.ตร.ฯ - เลขานุการ

พ.ต.ท.พัฒนา ปัญญาสาร

กต.ตร.ฯ
เป็นเลขานุการ

ร.ต.อ.วีระยุทธ เจริญบุญ

กต.ตร.ฯ
เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ร.ต.อ.นิธิกร ฉิมพาลี

กต.ตร.ฯ
เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

• บทบาท อำนาจหน้าที่ กต.ตร.สภ.เมืองนครนายก

(1) รับแนวทางและนโยบายการพฒนาและการบรหารงานตารวจจาก ก.ต.ช. ไปปฏิบัตเพื่อให้เกิดผลตามนโยบาย
(2) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ ให้เป็นไปตามนโยบายของ ก.ต.ช.
(3) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจและการบริหารงานตารวจ
(4) ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในสถานตำรวจ ให้เป็นไปตามนโยบายของ ก.ต.ช.
(5) ให้ข้อมลข่าวสารและเสนอปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่
(6) ให้คำแนะนำและช่วยเหลือสนับสนุนการประชาสัมพันธ์งานของสถานีตำรวจ
(7) เสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่าง กต.ตร.สภ. กับข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่และประชาชนในพื้นที่
(8) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ กต.ตร.สภ. มอบหมาย
(9) รายงานผลการปฏิบัติงานให้ ก.ต.ช. ทราบตามที่ ก.ต.ช. กำหนด
(10) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ ก.ต.ช. มอบหมายหรือตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของ กต.ตร

• โครงสร้าง อำนาจและหน้าที่ กต.ตร.

แสดงไฟล์ PDF และ Excel

• ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วย กต ตร พ.ศ.2567

แสดงไฟล์ PDF และ Excel

• ประกาศ ตร เรื่อง แนวทางปฏิบัติฯ รวมผนวก 2567

แสดงไฟล์ PDF และ Excel

• แนวทางการสรรหาและแต่งตั้ง กต.ตร.

แสดงไฟล์ PDF และ Excel

• คำสั่งแต่งตั้ง กต.ตร.สภ.เมืองนครนายก

แสดงไฟล์ PDF และ Excel

• คำถามที่พบบ่อย (Q&A)

ตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2567

ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เนื่องจากราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบ ก.ต.ช. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ระเบียบฯ ข้อ 2)

ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ส่งผลต่อระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ดังนี้

  • 2.1 ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 มีบทบัญญัติให้ยกเลิกระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ระเบียบฯ ข้อ 3) ส่งผลให้กรรมการใน กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. ที่ได้รับการแต่งตั้งตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนับแต่วันที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ ให้กรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน
  • 2.2 กรรมการโดยตำแหน่งจะต้องดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. ชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ใช้บังคับ หรือภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 (ระเบียบฯ ข้อ 47)

ระเบียบ ก.ต.ช. ทั้งสองฉบับมีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • 3.1 องค์ประกอบของกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะ: ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ได้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการทั้งในส่วนที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง, กรรมการที่มาจากการสรรหาและคัดเลือก รวมถึงนายกเทศมนตรี, นายก อบต., และกำนัน (ระเบียบฯ ข้อ 6, ข้อ 13, ข้อ 20 และข้อ 31)
  • 3.2 วิธีการสรรหากรรมการในแต่ละคณะ: ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดให้กรรมการโดยตำแหน่งเป็นผู้สรรหาและคัดเลือก (ระเบียบฯ ข้อ 8, ข้อ 15, ข้อ 25, ข้อ 32 และข้อ 36)
  • 3.3 การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะ (ระเบียบฯ ข้อ 11, ข้อ 18, ข้อ 29 และข้อ 40)

เมื่อระเบียบ ก.ต.ช. มีผลใช้บังคับ หน่วยปฏิบัติต้องดำเนินการดังนี้

  • 4.1 ดำเนินการจัดประชุม โดยให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร. แต่ละคณะ พิจารณาและคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการใน กต.ตร. ชุดใหม่ ทดแทนกรรมการใน กต.ตร. ชุดเดิมตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ที่สิ้นวาระการดำรงตำแหน่งตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน (หรือภายในวันที่ 15 มกราคม 2568) (ระเบียบฯ ข้อ 47)
  • 4.2 ตามข้อ 4.1 การออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. วาระแรกตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดให้มีผลพร้อมกันทุกคณะ คือ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

ผู้ที่เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ติดต่อกัน 2 วาระ ก่อนระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 จะมีผลใช้บังคับ หากเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด และได้รับการคัดเลือกจากกรรมการในการสรรหาแล้ว สามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร. คณะนั้น ๆ โดยถือเป็นวาระการดำรงตำแหน่งครั้งแรกในระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 นี้ (ระเบียบฯ ข้อ 48)

จำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กต.ตร. แต่ละคณะ กำหนดไว้ดังนี้

  • 6.1 กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด และ กต.ตร.สน. จะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 7 ด้าน โดยในแต่ละด้านจะมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 1 คนก็ได้ แต่เมื่อรวมจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 12 คน (ระเบียบฯ ข้อ 6(9), ข้อ 13(12) และข้อ 20(6))
  • 6.2 กต.ตร.สภ. จะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 5 ด้าน โดยในแต่ละด้านจะมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 1 คนก็ได้ แต่เมื่อรวมจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 12 คน (ระเบียบฯ ข้อ 31(9))

กต.ตร. แต่ละคณะจะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาอย่างน้อย 1 คน ดังนี้

  • 7.1 กต.ตร.กทม. ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐในกรุงเทพมหานคร อย่างน้อย 1 คน (ระเบียบฯ ข้อ 6(9))
  • 7.2 กต.ตร.จังหวัด ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐในจังหวัดนั้น กรณีจังหวัดนั้นไม่มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐ อนุโลมให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของเอกชนในจังหวัดนั้น เว้นแต่กรณีจังหวัดนั้นไม่มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา อนุโลมให้ไม่ต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ (ระเบียบฯ ข้อ 13(12))
  • 7.3 กต.ตร.สน. และ กต.ตร.สภ. ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถานศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาขึ้นไปในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนั้น เว้นแต่กรณีในเขตพื้นที่ สน./สภ. นั้นไม่มีสถานศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาขึ้นไป อนุโลมให้ไม่ต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ (ระเบียบฯ ข้อ 20(6) และข้อ 31(9))

กรรมการภาคประชาชนใน กต.ตร.กทม. และ กต.ตร.จังหวัด มีหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือกดังนี้

  • 8.1 กรณี กต.ตร.กทม. ให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร.กทม. พิจารณาคัดเลือกจากประชาชนที่เคยเป็น กต.ตร.สน. ตามรายชื่อที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 เสนอมาตามลำดับ (ระเบียบฯ ข้อ 7 และข้อ 9)
  • 8.2 กรณี กต.ตร.จังหวัด ให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร.จังหวัด พิจารณาคัดเลือกประชาชนที่เคยเป็น กต.ตร.สภ. ตามที่ กต.ตร.สภ. เสนอชื่อ (ระเบียบฯ ข้อ 14 และข้อ 16)

กต.ตร. แต่ละคณะสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษา กต.ตร. ได้ เนื่องจากระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ให้อำนาจ กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. แต่งตั้งอนุกรรมการ, คณะทำงาน หรือที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. แล้วแต่กรณีมอบหมาย โดยมิได้กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามไว้แต่อย่างใด (ระเบียบฯ ข้อ 12(8), ข้อ 19(8), ข้อ 30(8) และข้อ 41(8))

ทั้งนี้ ประธาน กต.ตร. แต่ละคณะเป็นผู้มีอำนาจลงนามในคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา กต.ตร.

การมอบหมายข้าราชการตำรวจแต่ละงานของสถานีตำรวจเป็นกรรมการใน กต.ตร.สน./กต.ตร.สภ. แล้วแต่กรณี เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าสถานีนั้น ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ อาจมอบหมายผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินใจและสั่งการในแต่ละสายงาน เช่น หัวหน้างาน เป็นต้น (ระเบียบฯ ข้อ 20(3) และข้อ 31(3))

กรณีกรรมการขอลาออกหรือพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด สามารถดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งผู้อื่นมาเป็นกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้

เว้นแต่ วาระการดำรงตำแหน่งจะเหลือไม่ถึง 90 วัน จะไม่ดำเนินการให้มีการสรรหาและแต่งตั้งก็ได้

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จะไม่นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่ง (ระเบียบฯ ข้อ 11, ข้อ 17, ข้อ 29 และข้อ 40)

  • 12.1 ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดจำนวนครั้งของการประชุมของ กต.ตร. แต่ละคณะ ดังนี้
    • กต.ตร.กทม. และ กต.ตร.จังหวัด ต้องมีการประชุมอย่างน้อยทุกสามเดือน หรือจำนวน 4 ครั้งต่อปี (ระเบียบฯ ข้อ 43)
    • กต.ตร.สน. และ กต.ตร.สภ. ต้องมีการประชุมอย่างน้อยทุกสองเดือน หรือจำนวน 6 ครั้งต่อปี (ระเบียบฯ ข้อ 43)
  • 12.2 กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร. ทุกคณะ สามารถมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมประชุมได้ แต่กรรมการอื่นที่ไม่ใช่กรรมการโดยตำแหน่ง เช่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ, ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน หรือข้าราชการอื่น ฯลฯ ไม่สามารถมอบผู้แทนได้ เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งโดยตัวบุคคล
  • 13.1 กรณีพื้นที่สถานีตำรวจใดมีนายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน จำนวนกลุ่มละ 1 คน ให้ถือว่านายกเทศมนตรี, นายก อบต., และกำนัน เหล่านั้น เป็นกรรมการใน กต.ตร.สภ. (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6))
  • 13.2 กรณีพื้นที่สถานีตำรวจใดมีนายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน จำนวนมากกว่ากลุ่มละ 1 คน ให้กรรมการโดยตำแหน่งตามข้อ 31(1)-(3) เลือกมากลุ่มละ 1 คน เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร.สภ. (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6))
  • 13.3 การประชุม กต.ตร.สภ. นายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน สามารถมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากถือเป็นกรรมการที่ได้รับคัดเลือกเพราะดำรงตำแหน่งตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6) และข้อ 32)

กำหนดให้คำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะ มีผลพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และจะครบวาระการดำรงตำแหน่งระยะเวลา 2 ปี ในวันที่ 14 มกราคม 2570 โดยคำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะในวาระถัดไป จะตรงกับวันที่ 15 มกราคม ของทุก 2 ปีที่ครบวาระตามที่ระเบียบฯ กำหนด (ระเบียบฯ ข้อ 47)

ทั้งนี้ การกำหนดให้คำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะมีผลพร้อมกัน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของประชาชนไปได้ในทิศทางเดียวกัน สามารถติดตามประเมินผล และเพื่อเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จตามนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและความโปร่งใส

Q&A ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567

ตามระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2567

ระเบียบ ก.ต.ช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เนื่องจากราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศระเบียบ ก.ต.ช. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ระเบียบฯ ข้อ 2)

ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ส่งผลต่อระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ดังนี้

  • 2.1 ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 มีบทบัญญัติให้ยกเลิกระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ระเบียบฯ ข้อ 3) ส่งผลให้กรรมการใน กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. ที่ได้รับการแต่งตั้งตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนับแต่วันที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ ให้กรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน
  • 2.2 กรรมการโดยตำแหน่งจะต้องดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. ชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ใช้บังคับ หรือภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 (ระเบียบฯ ข้อ 47)

ระเบียบ ก.ต.ช. ทั้งสองฉบับมีความแตกต่างกัน ดังนี้

  • 3.1 องค์ประกอบของกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะ: ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ได้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนกรรมการทั้งในส่วนที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง, กรรมการที่มาจากการสรรหาและคัดเลือก รวมถึงนายกเทศมนตรี, นายก อบต., และกำนัน (ระเบียบฯ ข้อ 6, ข้อ 13, ข้อ 20 และข้อ 31)
  • 3.2 วิธีการสรรหากรรมการในแต่ละคณะ: ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดให้กรรมการโดยตำแหน่งเป็นผู้สรรหาและคัดเลือก (ระเบียบฯ ข้อ 8, ข้อ 15, ข้อ 25, ข้อ 32 และข้อ 36)
  • 3.3 การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะ (ระเบียบฯ ข้อ 11, ข้อ 18, ข้อ 29 และข้อ 40)

เมื่อระเบียบ ก.ต.ช. มีผลใช้บังคับ หน่วยปฏิบัติต้องดำเนินการดังนี้

  • 4.1 ดำเนินการจัดประชุม โดยให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร. แต่ละคณะ พิจารณาและคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการใน กต.ตร. ชุดใหม่ ทดแทนกรรมการใน กต.ตร. ชุดเดิมตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ที่สิ้นวาระการดำรงตำแหน่งตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน (หรือภายในวันที่ 15 มกราคม 2568) (ระเบียบฯ ข้อ 47)
  • 4.2 ตามข้อ 4.1 การออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. วาระแรกตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดให้มีผลพร้อมกันทุกคณะ คือ มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

ผู้ที่เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร. แต่ละคณะตามระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2549 ติดต่อกัน 2 วาระ ก่อนระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 จะมีผลใช้บังคับ หากเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด และได้รับการคัดเลือกจากกรรมการในการสรรหาแล้ว สามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร. คณะนั้น ๆ โดยถือเป็นวาระการดำรงตำแหน่งครั้งแรกในระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 นี้ (ระเบียบฯ ข้อ 48)

จำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กต.ตร. แต่ละคณะ กำหนดไว้ดังนี้

  • 6.1 กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด และ กต.ตร.สน. จะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 7 ด้าน โดยในแต่ละด้านจะมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 1 คนก็ได้ แต่เมื่อรวมจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 12 คน (ระเบียบฯ ข้อ 6(9), ข้อ 13(12) และข้อ 20(6))
  • 6.2 กต.ตร.สภ. จะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 5 ด้าน โดยในแต่ละด้านจะมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 1 คนก็ได้ แต่เมื่อรวมจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 12 คน (ระเบียบฯ ข้อ 31(9))

กต.ตร. แต่ละคณะจะต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาอย่างน้อย 1 คน ดังนี้

  • 7.1 กต.ตร.กทม. ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐในกรุงเทพมหานคร อย่างน้อย 1 คน (ระเบียบฯ ข้อ 6(9))
  • 7.2 กต.ตร.จังหวัด ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐในจังหวัดนั้น กรณีจังหวัดนั้นไม่มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐ อนุโลมให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของเอกชนในจังหวัดนั้น เว้นแต่กรณีจังหวัดนั้นไม่มีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา อนุโลมให้ไม่ต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ (ระเบียบฯ ข้อ 13(12))
  • 7.3 กต.ตร.สน. และ กต.ตร.สภ. ต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถานศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาขึ้นไปในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนั้น เว้นแต่กรณีในเขตพื้นที่ สน./สภ. นั้นไม่มีสถานศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาขึ้นไป อนุโลมให้ไม่ต้องมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ (ระเบียบฯ ข้อ 20(6) และข้อ 31(9))

กรรมการภาคประชาชนใน กต.ตร.กทม. และ กต.ตร.จังหวัด มีหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือกดังนี้

  • 8.1 กรณี กต.ตร.กทม. ให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร.กทม. พิจารณาคัดเลือกจากประชาชนที่เคยเป็น กต.ตร.สน. ตามรายชื่อที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 เสนอมาตามลำดับ (ระเบียบฯ ข้อ 7 และข้อ 9)
  • 8.2 กรณี กต.ตร.จังหวัด ให้กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร.จังหวัด พิจารณาคัดเลือกประชาชนที่เคยเป็น กต.ตร.สภ. ตามที่ กต.ตร.สภ. เสนอชื่อ (ระเบียบฯ ข้อ 14 และข้อ 16)

กต.ตร. แต่ละคณะสามารถแต่งตั้งที่ปรึกษา กต.ตร. ได้ เนื่องจากระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 ให้อำนาจ กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. แต่งตั้งอนุกรรมการ, คณะทำงาน หรือที่ปรึกษา เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ กต.ตร.กทม., กต.ตร.จังหวัด, กต.ตร.สน., และ กต.ตร.สภ. แล้วแต่กรณีมอบหมาย โดยมิได้กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามไว้แต่อย่างใด (ระเบียบฯ ข้อ 12(8), ข้อ 19(8), ข้อ 30(8) และข้อ 41(8))

ทั้งนี้ ประธาน กต.ตร. แต่ละคณะเป็นผู้มีอำนาจลงนามในคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษา กต.ตร.

การมอบหมายข้าราชการตำรวจแต่ละงานของสถานีตำรวจเป็นกรรมการใน กต.ตร.สน./กต.ตร.สภ. แล้วแต่กรณี เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าสถานีนั้น ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ อาจมอบหมายผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินใจและสั่งการในแต่ละสายงาน เช่น หัวหน้างาน เป็นต้น (ระเบียบฯ ข้อ 20(3) และข้อ 31(3))

กรณีกรรมการขอลาออกหรือพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด สามารถดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งผู้อื่นมาเป็นกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้

เว้นแต่ วาระการดำรงตำแหน่งจะเหลือไม่ถึง 90 วัน จะไม่ดำเนินการให้มีการสรรหาและแต่งตั้งก็ได้

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จะไม่นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่ง (ระเบียบฯ ข้อ 11, ข้อ 17, ข้อ 29 และข้อ 40)

  • 12.1 ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนดจำนวนครั้งของการประชุมของ กต.ตร. แต่ละคณะ ดังนี้
    • กต.ตร.กทม. และ กต.ตร.จังหวัด ต้องมีการประชุมอย่างน้อยทุกสามเดือน หรือจำนวน 4 ครั้งต่อปี (ระเบียบฯ ข้อ 43)
    • กต.ตร.สน. และ กต.ตร.สภ. ต้องมีการประชุมอย่างน้อยทุกสองเดือน หรือจำนวน 6 ครั้งต่อปี (ระเบียบฯ ข้อ 43)
  • 12.2 กรรมการโดยตำแหน่งใน กต.ตร. ทุกคณะ สามารถมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมประชุมได้ แต่กรรมการอื่นที่ไม่ใช่กรรมการโดยตำแหน่ง เช่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ, ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน หรือข้าราชการอื่น ฯลฯ ไม่สามารถมอบผู้แทนได้ เนื่องจากเป็นการแต่งตั้งโดยตัวบุคคล
  • 13.1 กรณีพื้นที่สถานีตำรวจใดมีนายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน จำนวนกลุ่มละ 1 คน ให้ถือว่านายกเทศมนตรี, นายก อบต., และกำนัน เหล่านั้น เป็นกรรมการใน กต.ตร.สภ. (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6))
  • 13.2 กรณีพื้นที่สถานีตำรวจใดมีนายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน จำนวนมากกว่ากลุ่มละ 1 คน ให้กรรมการโดยตำแหน่งตามข้อ 31(1)-(3) เลือกมากลุ่มละ 1 คน เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการใน กต.ตร.สภ. (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6))
  • 13.3 การประชุม กต.ตร.สภ. นายกเทศมนตรี, นายก อบต., กำนัน สามารถมอบหมายผู้แทนเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากถือเป็นกรรมการที่ได้รับคัดเลือกเพราะดำรงตำแหน่งตามที่ระเบียบ ก.ต.ช. พ.ศ. 2567 กำหนด (ระเบียบฯ ข้อ 31(4)-(6) และข้อ 32)

กำหนดให้คำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะ มีผลพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และจะครบวาระการดำรงตำแหน่งระยะเวลา 2 ปี ในวันที่ 14 มกราคม 2570 โดยคำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะในวาระถัดไป จะตรงกับวันที่ 15 มกราคม ของทุก 2 ปีที่ครบวาระตามที่ระเบียบฯ กำหนด (ระเบียบฯ ข้อ 47)

ทั้งนี้ การกำหนดให้คำสั่งแต่งตั้งกรรมการใน กต.ตร. ทุกคณะมีผลพร้อมกัน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของประชาชนไปได้ในทิศทางเดียวกัน สามารถติดตามประเมินผล และเพื่อเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จตามนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและความโปร่งใส

🗃️ ดาวน์โหลดไฟล์

: